วันพฤหัสบดีที่ 2 ของเดือนมิถุนายนถูกกำหนดให้เป็น “วันไหว้ครู” ซึ่งเป็นวันสำคัญที่นักเรียน นักศึกษา และศิษย์ในสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ได้แสดงความเคารพและสำนึกในพระคุณของครูบาอาจารย์ ผู้มีบทบาทสำคัญในการอบรมสั่งสอนและมอบความรู้อันล้ำค่า โดยในปีนี้ วันไหว้ครูตรงกับวันที่ 13 มิถุนายน 2567
ความหมายของ “ครู” และความสำคัญของวันไหว้ครู
คำว่า “ครู” มาจากคำว่า “ครุ” ซึ่งแปลว่าหนัก หมายถึงภาระหน้าที่อันหนักหนาที่ครูต้องแบกรับในการค้นคว้าหาความรู้และถ่ายทอดวิชาแก่ศิษย์ ความรับผิดชอบในการอบรมสั่งสอนของครูนั้นเทียบเท่ากับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด เพื่อให้ศิษย์เติบโตเป็นคนดีและมีความรู้ความสามารถในการดำเนินชีวิต วันไหว้ครูจึงเป็นโอกาสพิเศษที่ศิษย์จะได้แสดงความเคารพ กตัญญูกตเวที และขอบคุณครูบาอาจารย์ที่ได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการสั่งสอนและเป็นผู้นำทางแห่งปัญญา นอกจากนี้ยังเป็นการสืบสานวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามที่สร้างความสัมพันธ์และความสามัคคีระหว่างครูกับศิษย์อีกด้วย
พิธีการและองค์ประกอบสำคัญในวันไหว้ครู
1. การจัดโต๊ะบูชาครู โดยประกอบด้วยพานไหว้ครูที่ประดับด้วยดอกไม้และสิ่งของมงคล ได้แก่
– ดอกมะเขือ สัญลักษณ์ของความมีความรู้ที่ลึกซึ้งและการรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน
– ดอกเข็ม สัญลักษณ์ของปัญญาเฉียบแหลมและความเฉลียวฉลาด
– ข้าวตอก สัญลักษณ์ของการเจริญเติบโตและความเพียรพยายาม
– หญ้าแพรก สัญลักษณ์ของความอ่อนน้อมถ่อมตนและความอดทน
2. การกล่าวคำไหว้ครูและคำปฏิญาณตนของศิษย์ เพื่อแสดงความเคารพและมุ่งมั่นที่จะเป็นศิษย์ที่ดี นำคำสอนของครูไปประพฤติปฏิบัติ
3. กิจกรรมพิเศษต่าง ๆ เพื่อแสดงความกตัญญูและเชิดชูเกียรติครู เช่น การมอบของที่ระลึก การแสดงความสามารถของนักเรียน เป็นต้น
บทสวดมนต์และคำไหว้ครู
ในพิธีไหว้ครู จะมีการสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยและกล่าวคำไหว้ครูที่ขึ้นต้นว่า “ปาเจราจริยา โหนติ คุณุตตรานุสาสกา” ซึ่งมีใจความว่า ข้าขอน้อมระลึกถึงพระคุณของครูบาอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้และอบรมสั่งสอนจริยธรรมแก่ข้าพเจ้า ขอกราบไหว้ด้วยความเคารพอย่างสูง
บทสรุป
วันไหว้ครูเป็นวันสำคัญที่แสดงถึงความกตัญญูและความเคารพที่ศิษย์มีต่อครูบาอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาและหล่อหลอมให้ศิษย์เป็นคนดีของสังคม เป็นวันที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์อันงดงามระหว่างผู้ให้และผู้รับ อีกทั้งยังเป็นการสืบสานประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงามของไทยที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์สืบไป